สแตนเลสสตีล คือ โลหะผสม (Ferrous Alloy) ระหว่างเหล็กกับสารหลายชนิด ที่สำคัญ คือ สารโครเมี่ยมอย่างน้อย 10% ที่ทำให้เหล็กกลายเป็นโลหะผสม ที่สามารถทนการกัดกร่อน
และ ทนสนิมทั้งจากธรรมชาติ และจากสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นสแตนเลส สตีล สามารถแบ่งเป็นกลุ่มได้ 8 กลุ่มด้วยกันขึ้นอยู่กับส่วนผสมของธาตุต่างๆ ที่ทำให้
มีคุณสมบัติบางอย่างที่แตกต่างกันไป การเลือกใช้ต้องพิจารณาจากคุณสมบัติ และความเหมาะสมของงานด้วย ส่วนผสมที่ทำให้งานมีคุณสมบัติแตกต่างกันหลัก ๆ มีดังนี้
สารโครเมี่ยม เป็นสารผสมหลักที่จะทำให้เหล็กมีคุณสมบัติในการทนทานต่อการเกิดสนิม และการกัดกร่อนต่าง ๆ
สารนิเกิ้ล ช่วยเสริมความต้านทานในการเกิดสนิม และทำให้สแตนเลสไม่ดูดแม่เหล็ก
สารโมลิดินั่ม ทำให้สแตนเลส มีความต้านทานในการเกิดสนิมสูงขึ้น และความคงทนต่อสารเคมี เช่น คลอรีน เป็นต้น
สารคาร์บอน เป็นตัวเพิ่มความแข็งให้กับสแตนเลส ถ้ามีคาร์บอนน้อย สแตนเลสก็จะมีความเหนียวเพิ่มขึ้นแทน
สแตนเลส สตีล ที่นิยมใช้กันมากที่สุดในท้องตลาด คือ
สแตนเลสเกรด 304 (SUS 304) เป็นสแตนเลสที่มีสารโครเมี่ยมอยู่ 18% และนิเกิ้ลอยู่ 8 % บางที่เรียกว่า สแตนเลส 18/8 ซึ่งจะไม่มี
สารโมลิดินั่ม , มีคาร์บอนต่ำ และเป็นสแตนเลสที่ทนต่อการเกิดสนิม (Oxidation) และทนการกัดกร่อนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี (Corrosion)
เนื่องจากมีสารนิเกิ้ลจึงทำให้แม่เหล็กดูดไม่ติด มีคาร์บอนด์ ต่ำจึงมีความเหนียวสูง สามารถใช้กับการปั้มขึ้นรูปสูง ๆ ได้ เช่น การทำอ่างซิงค์หรือภาชนะ
ในครัวต่าง ๆ เพราะสามารถทนความร้อนได้ดี เช่น หม้อ กระทะ เป็นต้น
สแตนเลสเกรด 316 (SUS 316) เป็นสแตนเลส ที่นิยมใช้รองลงมาจากเกรด 304 เป็นสแตนเลสสตีล ที่มีส่วนผสมคล้ายกับเกรด
SUS 304 แต่เกรด 316 จะมีส่วนผสมของ สารโมลิดินั่ม เพิ่มเข้าไปทำให้สแตนเลสเกรดนี้ สามารถทนต่อการเกิดสนิม และการกัด
กร่อนได้สูงกว่าเกรด 304 โดยเฉพาะการทนต่อสารคลอรีน ( Warm Chlorine Enviromentle ) จึงนิยมใช้ในงานทำอุปกรณ์ต่าง ๆ ใน
ห้องแลป ส่วนงานอุตสหกรรมอาหาร , อุตสหกรรมสารเคมีต่างๆ , อุปกรณ์เรือ จนถึงประเภทงานสปริง ที่ต้องให้ทนสนิม โดยการ
ลดคาร์บอนลงจาก 0.08% ลงมาเหลือ 0.03% ทำให้สแตนเลสเหนียวขึ้นจนสามารถเป็นสปริงได้ เป็นเกรด SUS 316 L (Low Carbon)
สแตนเลสเกรด 430 (SUS 430) เป็นสแตนเลสที่คล้าย เกรด 304 แต่จะไม่มีสารนิเกิ้ล จึงทำให้แม่เหล็กดูดติด แต่จะไม่ติดขนาด
เหล็ก แต่ยังมีคุณสมบัติในการป้องกันสนิมได้ดี แม้จะไม่เท่าเกรด 304 แต่เกรดนี้จะมีคาร์บอนด์สูงถึง 0.12% จึงมีความแข็งแกร่งสูงกว่าสแตนเลสเกรด 304
และ 316 เหมาะสำหรับงานที่รับแรงสูงกว่า เพราะปรกติสแตนเลสมักจะมีความเหนียวมากกว่าความแข็ง ในกรณีที่สารคาร์บอนสูงกว่า 0.15% จะกลายเป็น
เกรด 420 ซึ่งมีความแข็งที่เหมาะสำหรับทำอุปกรณ์ชุดครัวในเรื่องการตัดหั่นต่าง ๆ เช่น ทำมีดต่าง ๆ เป็นต้น
การทำสกรูน๊อตสแตนเลสจะนิยมใช้เกรด SUS 304 เพื่อมีความคงทนต่อสิ่งแวดล้อมได้ดีพอสมควร ส่วนเกรด SUS 316 จะนิยมใช้กับงานใน
อุตสหกรรมเคมี ในห้องแลป หรือในท้องทะเล ส่วนสกรูปลายสว่านที่เป็นสแตนเลสจะเป็นเกรด SUS 410 เพราะมีความแข็งพอใช้ และเกรด 304 หรือ
เกรด 316 ใช้ไม่ได้ เพราะมีความแข็งไม่พอ แต่ความสามารถในการทนสนิมจะน้อยกว่า
สแตนเลสเกรด 202 (SUS202) เป็นสแตนเลสอีกเกรดที่น่าสนใจ ซึ่งจะประกอบด้วย โครเมี่ยม , นิเกิ้ล และแมงกานีส ซึ่งแม่เหล็ก
ดูดไม่ติด แต่ความทนทานต่อสนิมจะต่ำกว่าเกรด SUS 304 มักนิยมใช้ในงานผลิตสินค้า ฮาร์ดแวร์ ต่าง ๆ เช่น บานพับ และกลอนประตูเกรดล่าง
สแตนเลส 201 จะมีอัตราส่วนของโครเมียมน้อยกว่า 304 อย่างมาก เมื่อขาดส่วนประกอบที่ทำให้สแตนเลสมีความทนต่อการกัดกร่อนแล้วก็หมายความว่า สแตนเลส 201 จะขึ้นสนิมและผุกร่อนเมื่อใช้งานไปได้ระยะเวลาหนึ่ง แต่รูปแบบวิธีการใช้งานเองก็เป็นปัจจัยสำคัญ สแตนเลส 201 สามารถใช้เป็นราวแขวนผ้าในห้องได้อย่างไม่มีปัญหาและสามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน แต่ถ้าหากนำไปใช้เป็นราวแขวนผ้าในห้องน้ำซึ่งต้องสัมผัสกับความชื้นบ่อย ๆ ก็จะขึ้นสนิมในที่สุด แต่ข้อดีที่สำคัญของสแตนเลส 201 ก็คือราคาซึ่งถูกกว่าสแตนเลส 304 เป็นอย่างมาก
สแตนเลส 304
สแตนเลส 304 มีส่วนผสมพื้นฐานของโครเมียม – นิกเกิล และเหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลายในงานสถาปัตยกรรม และงานต่าง ๆ มีส่วนประกอบ โครเมียมร้อยละ 18
และนิกเกิลร้อยละ 8 และบางครั้งเรียกว่าสแตนเลส 18-8 ซึ่งแม่เหล็กดูดไม่ติด และไม่สามารถชุบแข็งได้โดยการชุบด้วยความร้อน ใช้งานในหลากหลายรูปแบบ
ง่ายต่อการขึ้นรูปและทนต่อการกัดกร่อนที่ดีเยี่ยม
คุณสมบัติและประโยชน์
ทนต่อแรงกระแทก
โครงสร้างระดับไมโครของสแตนเลส 304 มีความเหนียวสูงทำให้เหล็กเหล่านี้เหมาะสมอย่างยิ่งกับงานที่ต้องการการทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ
ทนต่อการกัดกร่อน
สแตนเลส 304 ถูกใช้อย่างกว้างขวางในโรงพยาบาล และในการแปรรูปอาหาร (ยกเว้นในสภาวะที่มีอุณหภูมิสูงซึ่งมีปริมาณกรดและคลอรีนสูง) ทนต่อสารเคมีอินทรีย์สารย้อมสีและสารเคมีอินทรีย์หลากหลายชนิด เหล็กกล้าไร้สนิม 304 L (คาร์บอนต่ำ) ต้านทานกรดไนตริกและกรดซัลฟูริกที่อุณหภูมิและความเข้มข้นปานกลาง
ถูกสุขลักษณะ
พื้นผิวโลหะแข็งของสแตนเลสทำให้แบคทีเรียเกาะติด และอยู่รอดได้ยาก ความสามารถในการทำความสะอาดง่ายทำให้เป็นตัวเลือกแรกสำหรับสภาวะสุขอนามัยที่เข้มงวด สแตนเลสส่วนใหญ่เป็น เกรด 304 ใช้เป็นวัสดุของอ่างล้างจาน เช่นอลูมิเนียมและพลาสติกลามิเนตเป็นส่วนใหญ่ เพราะสามารถรักษาความสะอาดได้ดีและทนต่อสารเคมีที่รุนแรง